บทความจากเว็บไซต์ “Pearls and Stimulus” ของออสเตรเลียเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ชื่อเดิม: ต้นทุนภาษีศุลกากรใหม่ของ Biden ในประเทศจีน ฉันชอบภาพข้างบนรายงานโดย Jim Tankersley นักข่าวของ New York Times เมื่อไม่นานนี้ รายงานดังกล่าวได้วิเคราะห์ชุดภาษีที่ไม่ฉลาดที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีน ในภาพ ไบเดนกำลังลงนามในเอกสารที่โต๊ะของเขา โดยมีคนเจ็ดคนเฝ้าดูอยู่ ผู้สังเกตการณ์ที่อุทิศตนเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานที่เคยทรงอำนาจ และเป็นตัวแทนของผู้คนที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดเมื่อคำสั่งผู้บริหารของไบเดนมีผลบังคับใช้
ให้สหรัฐฯ กลายเป็นเศรษฐกิจการผลิตอีกครั้ง และฟื้นการผลิตทางอุตสาหกรรมที่สูญเสียไป? นั่นคือเป้าหมายของอัตราภาษีใหม่ แต่ในความคิดของฉัน มันจะไม่เป็นอย่างนั้น อเมริกาจะกลายเป็นประเทศที่มีราคาแพงกว่าในการอยู่อาศัยเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่? ใช่ และอาจเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเวลาผ่านไป ภายใต้หน้ากากของ "ความมั่นคงแห่งชาติ" ทำเนียบขาวพยายามที่จะควบคุมการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในพื้นที่ที่บริษัทสหรัฐฯ ไม่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงและผลิตภัณฑ์ไฮเทคอื่นๆ แต่ความพยายามครั้งนี้จะไม่มีวันสำเร็จ
รายการสินค้าจีนที่จะต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มเติมนั้นยาวและมีจำนวนมาก ในความคิดของฉัน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของลัทธิกีดกันทางการค้าของอเมริกา โดยพื้นฐานแล้ว Biden เพิ่งเปลี่ยนทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจข้ามแปซิฟิกของสหรัฐฯ จีนจะตอบโต้อย่างแน่นอนและสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีกนานแค่ไหน
บทความวิเคราะห์ที่กล่าวถึงข้างต้นของ Jim Tankersley เรียกว่าอัตราภาษีของ Biden เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ “เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกากำลังสิ้นสุดยุคสมัยที่ยาวนานหลายทศวรรษที่โอบรับความสัมพันธ์กับจีนโดยมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ของความต่ำ -สินค้าต้นทุน..." ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดยาวๆ ว่าภาษีนำเข้าจะเป็นประโยชน์ต่อคนงานชาวอเมริกันอย่างไร หวังว่าผู้นำสหภาพแรงงานเหล่านั้นจะมีจิตใจที่ชัดเจน ดังที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ให้เห็น ชาวจีนจะไม่จ่ายภาษีเหล่านี้ แต่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเป็นผู้รับผิดชอบ
นี่ (การกำหนดอัตราภาษีเพิ่มเติมสำหรับจีน) แท้จริงแล้วเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ - (สหรัฐอเมริกา) สมัครใจทำลายฐานอุตสาหกรรมของตนเอง และพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อประเทศที่ทำตรงกันข้าม สิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเรื่องนี้ก็คือความจริงที่ว่าตอนนี้สหรัฐฯ อ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์และผลกำไรของบริษัทอเมริกัน บริษัทเหล่านี้ซึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนมีความกระตือรือร้นที่จะครองเศรษฐกิจโลก แต่ไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป นอกจากนี้เรายังสามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงไปสู่ลัทธิกีดกันทางการค้าได้ในอีกสองวิธี 1. กลุ่มนโยบายในวอชิงตันและธุรกิจที่พวกเขาให้บริการกำลังบ้าคลั่งเนื่องจากผลที่ตามมาจากนโยบายเศรษฐกิจหลายทศวรรษเริ่มหลอกหลอนพวกเขา ประการที่สอง คนงานชาวอเมริกันและชนชั้นกลางจะตกเป็นเหยื่อเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากวอชิงตันยืนกรานที่จะทวงคืนสิ่งที่ตนคิดว่าจะยอมแพ้เมื่อ 40 ปีที่แล้วกลับคืนมา
หลังจากที่จีนเข้าร่วม WTO การเกินดุลการค้าก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเกินดุลกับสหรัฐอเมริกา แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะทุกคนชนะ ความคิดใดๆ ก็ตามที่ว่าการลงทุนของชาติตะวันตกจะเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นประเทศเสรีนิยมแบบตะวันตกนั้น ถือเป็นความฝันอันไพเราะของผู้โง่เขลาที่มีอเมริกาเป็นศูนย์กลาง จีนได้พิสูจน์แล้วว่ามีความกระตือรือร้นในการไต่ขึ้นบันไดการพัฒนามากกว่าญี่ปุ่น
อาจกล่าวได้ว่าความเร็วของการแข่งขันของจีนในอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้ามากขึ้นได้สร้างความตื่นตระหนกแก่บริษัทอเมริกันและผู้วางแผนนโยบายที่มีใจปิดในวอชิงตัน เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มนโยบายในวอชิงตันเริ่มตระหนักว่าไม่มีฐานอุตสาหกรรมเพียงพอที่จะตอบสนองแผนการของพวกเขาในการผลักดันความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนให้เข้าใกล้ความขัดแย้งที่เปิดกว้างมากขึ้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือรายงานในสื่อสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ทฤษฎี "อันตรายสีเหลือง" เวอร์ชันเก่ามากขึ้น กล่าวคือ คนจีนขโมยงานทั้งหมด คนจีนหลอกเราให้ซื้อสินค้าราคาถูก... พูดได้น่าอายจริงๆ ว่าคนอเมริกันทำอะไรไม่ถูกมาก
ทำเนียบขาวเพิ่งถามคำถาม: เศรษฐกิจการผลิตของสหรัฐฯ ที่ถูกทำลายไปแล้วสามารถฟื้นฟูได้หรือไม่ หรือนี่จะเป็นความยุ่งเหยิงอีก ความโง่เขลาที่มีราคาแพงอีก? ฉันกำลังรอให้ราคาสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่คนอเมริกันธรรมดาต้องชดใช้ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุด (ผู้เขียน Patrick Lawrence แปลโดย Qiao Heng) [บรรณาธิการ: He Ying]
liverpool line up 2005 champions league final